Deepwater Horizon / ฝ่าวิบัติเพลิงนรก

ย้อนอดีต โศกนาฎกรรมแท่นขุดเจาะน้ำมันระเบิดครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกันสู่หนังฟอร์มยักษ์นับเป็นเหตุการณ์แท่นขุดเจาะน้ำมันระเบิดที่สร้างความเสียหายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์เหตุเริ่มจากแท่นขุดเจาะน้ำมันแบบเคลื่อนที่ชื่อ ดีพวอเตอร์ ฮอไรซัน ในอ่าวเม็กซิโก เป็นของบริษัท บริติชปิโตรเลียม หรือบ้านเรารู้จักกันในชื่อ BP ผู้ได้สัมปทานจากสหรัฐอเมริกา แท่นนี้เกิดระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2553 ขณะที่แท่นเจาะลงไปที่ความลึก 1,500 เมตร ส่งผลให้พนักงานประจำแท่นเสียชีวิต 11 คน บาดเจ็บอีก 17 คน แท่นขุดเจาะจมลงภายใน 36 ชั่วโมงหลังเหตุระเบิด แต่กว่าจะหยุดการรั่วไหลของน้ำมันได้ กินเวลาถึง 86 วัน คำนวณคร่าว ๆ ได้ว่าเกิดการรั่วไหลของประมาณวันละ 16 ล้านลิตรกว่าจะควบคุมการรั่วไหลได้คาดว่าสูญเสียน้ำมันไปถึง 780 ล้านลิตร ส่งผลกระทบเลวร้ายต่อสภาพแวดล้อมอย่างมาก


– คราบน้ำมันปกคลุมชายฝั่งทะเลยาวถึง 1,770 กิโลเมตร ผลกระทบยังครอบคลุมพื้นที่ในทะเลถึง 180,000 ตารางกิโลเมตร เชื่อมโยงพื้นที่ 5 รัฐ รัฐฟลอริดา รัฐแอละบามา รัฐมิสซิสซิปปี รัฐลุยเซียนา และรัฐเท็กซัส
– เต่าทะเลกว่า 1,700 ตัว ถูกห่อหุ้มไปด้วยคราบน้ำมันจนเคลื่อนไหวไม่ได้ ที่น่าเป็นห่วงสุดคือ เต่าหญ้า (Kemps ridley turtle) เป็นเต่าที่ใกล้สูญพันธุ์แล้ว
– โลมาปากขวด 650 ตัว ก็โดนคราบน้ำมัน รวมถึงโลมาที่คลอดใหม่อีก 130 ตัว
– จนถึงวันนี้ผ่านมา 6 ปี ยังพบว่ามีสัตว์น้ำถึง 400 สายพันธุ์ และระบบนิเวศน์ในทะเลที่ยังได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำมันรั่วครั้งนั้น
เหตุหายนะครั้งนี้ ตีเป็นมูลค่าที่บีพีสูญเสียไปแล้วถึง 1.4 ล้านล้านบาท แต่บีพีก็ยังต้องแสดงให้โลกเห็นว่าเขารับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมที่โดนผลกระทบในครั้งนี้ด้วยการควักกระเป๋าอีก 700,000 ล้านบาท เพื่อตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเมื่อ 2 กรกฎาคม 2558 บีพีขอยอมความนอกศาลกับรัฐบาลสหรัฐด้วยการชดใช้ค่าเสียหายกับ 5 รัฐที่ได้รับผลกระทบเป็นเงินถึง 630,751 ล้านบาท เงินจำนวนนี้ให้ทั้ง 5 รัฐนำไปปันส่วนกันเอง เพื่อนำไปฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ถูกบันทึกว่าเป็นมูลค่าที่ชดใช้กันในกรณียอมความนอกศาลที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้บีพียังต้องจ่ายค่ากำจัดคราบน้ำมันอีกราว 472,220 ล้านบาท และชดใช้ค่าเสียหายในคดีอาญาที่รัฐบาลเป็นผู้ฟ้องร้องอีก 151,785 ล้านบาท ยังไม่จบ ยังมีกลุ่มบุคคลและผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบต่อเศรษฐกิจและทรัพย์สินรวมตัวกันฟ้องร้องอีก 347,419 ล้านบาท บวกตัวเลขกันไม่ไหวเลยว่าเบ็ดเสร็จแล้วบีพีจะต้องจ่ายเงินไปกับหายนะครั้งนี้รวมแล้วกี่บาท
6 ปีจากเหตุการณ์นั้น ฮอลลีวู้ดก็หยิบเรื่องราวโศกนาฎกรรมช็อคโลกมาสร้างเป็นภาพยนตร์ทุนสร้างสูงถึง 150 ล้านเหรียญ ท่ามกลางเสียงต่อต้านของเหล่าคนงานในธุรกิจน้ำมันรอบอ่าวเม็กซิโก ว่าการหยิบเรื่องราวของเหล่าผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้นมาสร้างเป็นหนังดูเป็นการไม่ให้เกียรติ แต่หนังก็เดินหน้าถ่ายทำจนสำเร็จเพราะเชื่อมั่นว่าหนังตั้งใจสดุดีวีรกรรมของทีมงานกู้ภัยที่ได้แสดงความกล้าหาญเสี่ยงตายเข้าช่วยเหลือเหล่าพนักงานแท่นขุดเจาะให้รอดชีวิตมาได้หลายคน งานนี้ทีมงานได้สร้างแท่นขุดเจาะขึ้นมาใหม่เพื่อถ่ายทำหนังโดยเฉพาะใน ชาลเม็ทเต้ รัฐลุยเซียนา
หนังมีกำหนดฉาย 30 กันยายนนี้

หนังได้ผู้กำกับปีเตอร์ เบิร์ก ที่เคยมีผลงานถูกใจคนไทยมาแล้วจาก Lone Survivor (2013) ซึ่งผู้กำกับปีเตอร์ เบิร์ก ก็ยังชักชวนมาร์ค วาห์ลเบิร์ก พระเอกคนเดิมให้มาร่วมงานกันในเรื่องนี้อีกครั้ง ทีมงานบอกกับมาร์คว่า เขาอยากให้เรื่องนี้เป็นการร่วมงานกันระหว่างนักแสดงนำรุ่นใหญ่กับรุ่นเล็ก มาร์คได้ยินอย่างนั้นก็รีบโทรหานักแสดงอาวุโสหลายคนที่เขารู้จัก รวมถึงแจ๊ค นิโคลสันด้วย แต่ที่ไหนได้กลับกลายเป็นว่า นักแสดงรุ่นใหญ่ที่ทีมงานต้องการหมายถึงตัวมาร์ค วาห์ลเบิร์กเอง ที่ต้องมาประกบกับนักแสดงรุ่นใหม่อย่าง ดีแลน โอไบรอัน พระเอกจากหนัง Maze Runner เป็นหนังอีกเรื่องที่รวมนักแสดงแถวหน้าของ ฮอลลีวู้ดไว้มากทั้ง เคิร์ต รัสเซล ที่ได้มาร่วมงานกับ เคต ฮัดสัน ลูกเลี้ยงของเขาครั้งแรกในชีวิต และยังมี จอห์น มัลโควิช อีกด้วย
ฉายวันที่ 29 กันยายน 2559 ทุกโรงภาพยนตร์ และระบบ 3มิติ

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*