เอสซีจี (SCG) แถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2559 มุ่งผลักดันนวัตกรรมเพื่ออนาคต พร้อมเดินหน้าลงทุนในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง

SCGฟันกำไรสำหรับงวด 13,619 ล้านบาทที่1ในอาเซียน

 กรุงเทพฯ : 27 เมษายน2559 – ผลประกอบการเอสซีจีไตรมาสที่ 1 ปี 2559มีกำไรเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 23เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์รวมทั้งยอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ39พร้อมเดินหน้าลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง

นายรุ่งโรจน์  รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า งบการเงินรวมก่อนสอบทานของเอสซีจีในไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2559 มีรายได้จากการขาย 109,998 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อน และใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เอสซีจีมีกำไรสำหรับงวด 13,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ19 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์ และธุรกิจบรรจุภัณฑ์นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการส่งออก 29,570 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 27 ของยอดขายรวมลดลงร้อยละ 8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับธุรกิจของเอสซีจีในอาเซียน นอกเหนือจากประเทศไทย ในไตรมาสที่ 1 ปี 2559เอสซีจี
มีรายได้จากธุรกิจที่มีฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน และจากการส่งออกไปยังอาเซียน 24,396 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23ของรายได้รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 1จากปีก่อน ทั้งนี้ เป็นรายได้จากธุรกิจที่มีฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน 12,586 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้จากการส่งออกไปยังอาเซียน 11,810 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11 ของรายได้รวม ลดลงร้อยละ 14 จากปีก่อน ทั้งนี้เอสซีจี มีสินทรัพย์รวมในอาเซียนนอกเหนือจากประเทศไทยณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 มูลค่า 110,491 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 21 ของสินทรัพย์รวมของบริษัท
สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 มีมูลค่า 520,603 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2559 แยกตามรายธุรกิจดังนี้
เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในไตรมาสที่ 1 ปี 2559 มีรายได้จากการขาย 45,880 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสำหรับงวด 3,290 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในทุกตลาด
เอสซีจี เคมิคอลส์  ในไตรมาสที่ 1 ในปี 2559 มีรายได้จากการขาย 47,810 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 9,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 85 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลประกอบการธุรกิจร่วมปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง
เอสซีจี แพคเกจจิ้ง ในไตรมาสที่ 1 ในปี 2559 มีรายได้จากการขาย 18,847 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 1,255 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนและผลประกอบการที่ดีขึ้นของกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์
นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า “จากการที่เอสซีจีได้ทุ่มเทพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม(High Value Added Products & Services – HVA) มาโดยตลอด ทั้งที่เป็นการค้นคว้าวิจัยโดยทีมงานเอสซีจีเองและการร่วมมือกับสถาบันวิจัยชั้นนำของไทยและระดับโลกในไตรมาสที่ 1 ปี 2559 เอสซีจีมียอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม 42,262ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3จากปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 39ของยอดขายรวม โดยใช้งบประมาณงานวิจัยและพัฒนากว่า 900ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของยอดขายรวม สำหรับแผนงานในปี 2559 เอสซีจีได้ตั้งงบประมาณงานวิจัยและพัฒนาคิดเป็นร้อยละ 1 ของยอดขายรวม”
นอกจากนี้ เอสซีจีได้มุ่งพัฒนาทีมงานวิจัยให้สามารถคิดค้นนวัตกรรมสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการความหลากหลายของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต อาทิ Dissolving Pulp ของเอสซีจีแพคเกจจิ้ง สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอและอุตสาหกรรมเมลามีนคอมพาวด์ ที่ได้รับการยอมรับจากตลาดโลกอย่างดียิ่งและนวัตกรรมเม็ดพลาสติกสำหรับท่อทนแรงดันสูงเกรด PE 100 ของเอสซีจี เคมิคอลส์ สำหรับระบบขนส่งน้ำ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติ โดยได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานสากลจากองค์กรระดับโลก
นวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัย อาทิ  ผลิตภัณฑ์เพื่อผู้สูงวัย (SCG Eldercare Solution)ผนังสำเร็จรูปที่สร้างลวดลายบนพื้นผิวได้ ช่วยทดแทนแรงงานก่อสร้างที่ขาดแคลน และนวัตกรรมปูนซีเมนต์สูตรพิเศษที่ใช้เทคโนโลยีการผลิต 3D printing ในการผลิตซิเมนต์รูปแบบใหม่ ซึ่งกำลังจัดแสดงในงานสถาปนิก’59 รวมถึงความร่วมมือกับสถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมต่างๆล่าสุดได้ร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดศูนย์วิจัย “SCG-CHULA Engineering Research Center” เพื่อค้นคว้าและพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและบรรจุภัณฑ์
สำหรับในภูมิภาคอาเซียนมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยการลงทุนของเอสซีจีมีความคืบหน้าตามแผนโรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศอินโดนีเซีย และกัมพูชา ขณะนี้เริ่มผลิตสินค้าแล้วส่วนโรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศเมียนมา และสปป.ลาวคาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตได้ในช่วงไตรมาสที่ 3  ปี 2559 และกลางปี 2560 ตามลำดับ ซึ่งโครงการลงทุนเหล่านี้ ถือเป็นส่วนสำคัญในการขยายตัวของเอสซีจีในอาเซียน ทั้งนี้ เอสซีจียังคงขยายการลงทุน โดยการให้ความสำคัญในการหาพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจเดิมอยู่แล้ว เพื่อพัฒนาธุรกิจให้เจริญเติบโตร่วมกันต่อไป

สำนักงานสื่อสารองค์กร เอสซีจี
T. 02 586 1120

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*